วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Dead-man control ระบบป้องกันอุบัติเหตุจากเครื่องมือช่าง


     สวัสดีท่านผู้อ่าน บล็อกรอบรู้เครื่องมือช่าง (toolsth) ทุกท่านครับ หลังจากที่ผมหยุดอัพบทความเครื่องมือช่างมานาน วันนี้ผมจะมาอัพบทความดี ๆ เกี่ยวกับระบบป้องกันอุบัติเหตุจากเครื่องมือช่าง ซึ่งเค้าเรียกกันว่า Dead-man control กันครับ
     Dead-man control เป็นระบบที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องมือช่างของเราเนี่ยแหละครับ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องจักร และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการใช้งานครับ โดยที่ระบบนึ้ ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ในเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้มีสติ และสมาธิครบถ้วนเท่านั้นนะครับ ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งานกำลังทำงานอยู่กับเครื่องมือช่าง แล้วมีจิตใจที่เหม่อลอย ไม่มีสมาธิระหว่างการทำงาน ก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้ง่ายกว่าผู้ที่ทำงานอย่างมีสติครับ
     โดยระบบ Dead-man control จะมีหน้าที่ทำให้ เครื่องมือช่างของเราทำงานได้เฉพาะผู้ควบคุม และผู้ใช้งานเครื่องมือช่างด้วยการกด เหยียบ บีบ หรือด้วยวิธีอื่น ๆ ที่เป็นการควบคุมเครื่องมือช่างเท่านั้น ยกตัวการนำเอา Dead-man control มาใช้ร่วมกับเครื่องมือช่าง
- การนำระบบ Dead-man control มาใช้กับเครื่องเจียรที่สวิทซ์เปิด หรือปิดเครื่องจะถูกปลดล็อกโดยจะทำการบังคับให้ผู้ใช้งานต้องเอานิ้วโป้งดันสวิทซ์ตลอดเวลาที่ใช้งานเครื่องเจียร ซึ่งถ้าหากผู้ใช้เกิดไม่มีสมาธิระหว่างการใช้เครื่องเจียร ผู้ใช้ก็จะปล่อยนิ้วออกจากสวิทซ์เปิดเครื่องเจียร เครื่องเจียรก็จะหยุดการทำงานลงอันเป็นผลที่เกิดจากระบบ Dead-man control ที่บังคับให้ผู้ใช้ต้องคอยใช้นิ้วโป้งดันสวิทซ์ไว้ตลอด เช่นเดียวกัน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องเจียร ผู้ใช้งานเครื่องเจียรก็จะปล่อยนิ้วออกจากปุ่มสวิทซ์ เครื่องเจียรก็จะหยุดการทำงาน ทำให้ความรุนแรงที่เกิดจากอุบัติเหตุลดลง

     สำหรับการนำระบบ Dead-man control มาใช้ในการป้องกันอุบัติเหตุนั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือเครื่องมือช่างต่าง ๆ ในสถานประกอบการต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ดี เราควรที่จะใช้เครื่องมือช่างอย่างมีสติ และมีความรอบคอบอยู่ตลอดเวลาครับ เพราะระบบ Dead-man control สามารถช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้เพียงแค่ระดับนึงเท่านั้นครับ

อ้างอิงจาก บูมทูลส์ ศูนย์รวมเครื่องมือช่าง, Thaisafetywork เว็บบอร์ดความปลอดภัยในการทำงาน

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนะนำเทคนิคการใช้เลื่อยลันดา

     สวัสดีท่านผู้อ่าน บล็อกรอบรู้เครื่องมือช่าง (toolsth) บล็อกที่คอยรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง ทุกท่านครับ ซึ่งวันนี้ผมนั้นค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษครับอันเนื่องมาจากว่าบล็อกรอบรู้เครื่องมือช่างของผมได้ติดอันดับ Google อยู่ในหน้า 2 แล้ว >< วันนี้เลยฉลองเปลี่ยน Wallpaper ของบล็อกรอบรู้เครื่องมือช่างใหม่ซะเลย โดย Wallpaper ที่ผมเปลี่ยนก็จะสื่อถึงความหมายของบล็อกรอบรู้เครื่องมือช่างครับ สังเกตได้จาก Wallpaper ที่มีรูปของเครื่องมือช่างอยู่ครับ
     สำหรับในวันนี้ผมจะยังคงนำเสนอเนื้อหาเครื่องมือช่าง เลื่อย กันต่อไปนะครับ โดยบทความในวันนี้จะเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับเทคนิคในการใช้เลื่อยลันดาครับ ซึ่งบทความในครั้งนี้ก็จะเป็นบทความสั้น ๆ เหมือนเดิมครับ เอาละครับผมเกิ่นมาเยอแล้ว เรามาเข้าเนื้อหาหลักกันเลยดีกว่าครับ

     1. เริ่มแรก ควรเริ่มเลื่อยโดยชักคันเลื่อยเข้าหาตัวเราแล้วดันออกเพื่อให้ฟันเลื่อยตัดไม้ ใช้นิ้วโป้งเป็นแนวบังคับในตอนเริ่มให้อยู่ในแนวการตัด

     2. เมื่อเลื่อยจนใกล้จะเสร็จแล้ว ให้ประคองชิ้นงานที่ถูกตัดออกด้วยมือที่ว่าง แล้วค่อย ๆ เลื่อยตัดชิ้นงานจนขาด ฟันเลื่อยจะตัดชิ้นงานในจังหวะที่ดันเลื่อยออกจากตัวเรา

     3. สำหรับการตัดไม้ให้มีขนาดเท่ากัน สามารถทำได้โดยการวัดขนาด และขีดเส้นแนวการตัด สำหรับการเลื่อยชิ้นงานให้ติดกันด้วยแคล้มป์ และวางใบเลื่อยให้อยู่ในด้านที่ต้องการตัดทิ้ง

     4. การเลื่อยฝ่าไม้ตามแนวยาววัดขนาด และตีเส้นแนวการเลื่อย แล้วเลื่อยตามแนวไปเรื่อย ๆ ให้นำไม้ลิ่มมาแทรกระหว่างร่องเลื่อย เพื่อไม่ให้ไม้หนีบใบเลื่อยขณะเลื่อย

อ้างอิงจาก Homedd

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีการเลือกซื้อเลื่อยให้ตรงกับความต้องการ

     สวัสดีครับคุณผู้อ่าน toolsth (บล็อกรอบรู้เครื่องมือช่าง) บล็อกที่คอยรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง หลังจากที่บทความเครื่องมือช่างเรื่องก่อนผมพูดถึงเครื่องมือช่าง "เลื่อย" ไป วันนี้ผมก็เลยจะมาเขียนบทความเครื่องมือช่างเรื่องวิธีการเลือกซื้อเลื่อยกันครับ ซึ่งบทความเครื่องมือช่างนี้จะเป็นบทความสั้น ๆ ครับ ^^ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
     สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะซื้อเลื่อยยังไงดีให้ตรงกับความต้องการ และการใช้งานให้ถูกประเภท วันนี้ผมจะนำเสนอวิธีการเลือกอย่างคร่าว ๆ นะครับ
ขั้นตอนที่ 1 ควรดูลักษณะการใช้งานของเราก่อนครับ ว่าเหมาะที่จะใช้เลื่อยกับงานประเภทใด เช่น ถ้าต้องการตัดงานฝีมือ มีลวดลายคดเคี้ยว เราก็ควรที่จะเลือกเลื่อยฉลุหรือเลื่อยหางหนูครับ หรือเราต้องการใช้เลื่อยในการเลื่อยไม้ที่มีขนาดใหญ่ เช่นท่อนไม้ เราก็ควรใช้เลื่อยโครงเหล็กหรือเลื่อยคันศรครับ
ขั้นตอนที่ 2 ถ้าเรามีความต้องการใช้เลื่อยที่ใช้งานได้กว้างขวาง สำหรับการตัดไม้ทั่ว ๆ ไป ควรที่จะเลือกเลื่อยลันดาหรือเลื่อยลอครับ ซึ่งสามารถตัดไม้ได้ทั้งแบบขวางเสี้ยนไม้ และตามเสี้ยนไม้ครับ
ขั้นตอนที่ 3 การเลือกลักษณะฟันเลื่อย ควรเลือกแบบที่เป็นฟันถี่พอสมควร จะได้ผิวการตัดที่ละเอียด ไม่แตกหยาบ
ขั้นตอนที่ 4 ขนาดของคันเลื่อย หรือตัวเลื่อย ควรจะเลือกขนาดที่มีความเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งเลื่อยมีหลายขนาดโดยหน่วยจะเป็นนิ้ว ควรทดลองจับท่าเลื่อยดูว่าเหมาะสมกันหรือไม่

อ้างอิงจาก Homedd

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนะนำชนิด และลักษณะของเลื่อย ตอนที่ 2


     สวัสดีท่านผู้อ่าน toolsth บล็อก (บล็อกรอบรู้เครื่องมือช่าง) บล็อกที่คอยรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง หลังจากที่สัปดาห์ก่อน(หน้านู้น)ผมได้แนะนำชนิด และลักษณะของเลื่อยตอนที่ 1 สำหรับสัปดาห์นี้ผมก็ยังยังนำเสนอบทความความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่างเรื่อง ชนิด และลักษณะของเลื่อยกันต่อนะครับ (แต่เป็นตอนที่  2 นะครับ)
6. เลื่อยโครงเหล็กหรือเลื่อยคันศร เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก เช่น การตัดท่อนไม้ขนาดต่าง ๆ หรือใช้ตัดต้นไม้ เลื่อยโครงเหล็กตัวโครงเป็นเหล็กกลวงน้ำหนักเบา ใบเลื่อยถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ใบเลื่อยสามารถตัดได้ทั้ง 2 ทาง

7. เลื่อยตัดมุมหรือเลื่อยองศา ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ตัวใบ และแท่นเลื่อย ลักษณะของใบเลื่อยจะเหมือนเลื่อยบังตอ ส่วนแท่นเลื่อยจะประกอบไปด้วย แป้นบอกองศา โครงจับใบเลื่อย ช่องบังคับใบ เลื่อย และแท่นรองรับใช้กับงานเข้ามุมต่อกันให้สนิท เหมาะกับงานตัดคิ้วบัว หรือการทำกรอบรูป
8. เลื่อยลันดา พบเห็นกันบ่อยที่สุด เพราะเป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานของงานช่างไม้ เลื่อยลันดามีความยาวที่ 14, 26 เลือกใช้ตามขนาดหน้าตัดของไม้ สามารถแบ่เป็น 3 ชนิด คือ ชนิดฟันตัด มีลักษณะฟันที่ค่อนข้างพี่ ใช้สำหรับตัดขวางเนื้อไม้เพื่อให้เกิดรอยตัดที่เรียบ ไม่เป็นเสี้ยน ชนิดฟันหยาบ จะมีลักษณะฟันที่หยาบ สามารถตัดได้เร็ว ใช้สำหรับตัดตามแนวยาวของเนื้อไม้ ซึ่งฟันที่ห่างทำให้เกิดหน้าตัดที่หยาบ ความยาวทั่วไปคือ 26 ชนิดฟันอเนกประสงค์ จะมีฟันถี่พอสมควร ความยาว 26 ใช้งานได้สะดวกทั้งการตัดขวางและการตัดตามแนวยาว
9. เลื่อยบังตอ เหมาะสำหรับงานตัดหัวไม้เพื่อทำเดือยต่อต่าง ๆ ด้านสันของใบเลื่อยมีครอบเหล็กแข็ง กันใบเลื่อยบิดตัวขณะเลื่อย ทำให้ได้รอยตัดที่มีแนวเที่ยงตรง ใบเลื่อยยาว 8, 14
10. เลื่อยตัดไม้อัด ใช้สำหรับตัดไม้อัดโดยเฉพาะ เนื่องจากมีขนาดฟันที่เล็ก ซึ่งช่วยลดการฉีกขาดของเนื้อไม้ทั้ง 2 ด้าน ที่ปลายจะเป็นสันโค้งพร้อมมีฟันเลื่อยอยู่ด้วย ใช้สำหรับตัดส่วนอื่นที่ไม่ใช้ขอบของไม้อัดโดยไม่ต้องใช้สวว่านเจาะรูนำก่อนใบเลื่อย ยาว 11
อ้างอิงจาก Homedd

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แนะนำชนิด และลักษณะของเลื่อย ตอนที่ 1


     สวัสดีท่านผู้อ่าน toolsth บล็อก (บล็อกรอบรู้เครื่องมือช่าง) บล็อกที่คอยรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง สำหรับบทความความรู้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือช่างที่ผมจะนำเสนอในวันนี้คือเรื่อง ชนิด และลักษณะของเลื่อยครับ

1. เลื่อยเหล็ก
     เลื่อยเหล็กเป็นเลื่อยที่เอาไว้ใช้กับงานเหล็กเป็นหลัก หากเราเอาไปใช้เลื่อยไม้ จะเลื่อยได้ช้ามาก เพราะฟันเลื่อยจะไม่ลึก ละเอียด ตัวโครงของเลื่อยเหล็กจะทำมากจากเหล็ก แต่มีน้ำหนักเบา มีแบบความยาวที่มาตรฐาน และแบบสามารถปรับความยาวได้ตามขนาดของใบเลื่อยได้ เลื่อยเหล็กสามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้ เวลาใส่ต้องหันปลายฟันเลื่อยชี้ออกนอกตัวผู้เลื่อยเสมอ


2. เลื่อยพับขนาดกระเป๋า
     เลื่อยพับขนาดกระเป๋าจัดเป็นเลื่อยอเนกประสงค์ที่มีฟันแข็งเป็นพิเศษ สามารถตัดได้ทั้งไม้ พลาสติก โลหะ หรือวัสดุอื่น ๆ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คุณสมบัติพิเศษที่สำคัญของเลื่อยพับขนาดกระเป๋าคือ สามารถพับเก็บไว้ได้ ทำให้สามารถพกพาได้สะดวก และยังพกพาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย


3. เลื่อยหางหนู
     เลื่อยหางหนูแบ่งได้ตามขนาดของใบเลื่อยอีกหลากหลายขนาด สามารถใช้ได้กับงานตัดโค้งทั้งภายใน และภายนอกชิ้นงาน หรือใช้สำหรับตัดเจาะผนังยิปซั่มก็ยังได้


4. เลื่อยหางหมู
     เลื่อยหางหมูมีใบเลื่อยที่ลักษณะใหญ่ที่โค้น และที่ปลายเรียวแหลม เลื่อยหางหมูมีความกว้างที่หลากหลายขนาด บางรุ่นสามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้ เหมาะสำหรับงานตัดโค้งทั้งภายใน และภายนอกชิ้นงาน


5. เลื่อยฉลุ
     เลื่อยฉลุใช้กับงานไม้ เหมาะสำหรับงานตัดโค้ง ทำลวดลาย ตัวกรอบเขงอเลื่อยฉลุทำด้วยโลหะ ใบเลื่อยค่อนข้างเล็กมาก มีความอ่อนตัว สามารถปรับหมุนได้รอบทิศทาง เลื่อยฉลุมี 2 ชนิดคือ ชนิดคอลึก ใช้ตัดเข้าไปในชิ้นงานได้มากกว่า เหมาะสำหรับไม้ที่ไม่หนามากนัก มีฟันที่ละเอียด และชนิดคอตื่น เหมาะสำหรับงานฉลุไม้ที่ชิ้นไม่ใหญ่นัก มีฟันค่อนข้างละเอียด



     สำหรับวันนี้เรารู้จักเลื่อยไปก่อน 5 ชนิดนะครับ ไว้สัปดาห์หน้าผมจะมานำเสนอชนิดของเลื่อยกันต่อในตอนที่ 2 นะครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
อ้างอิงจาก Homedd

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Boomtools Machinery ศูนย์รวมเครื่องมือช่าง


     วันนี้ขอนอกเรื่องเกี่ยวกับความรู้ของเครื่องมือช่างกันซะหน่อยครับ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้นอกเรื่องซะเท่าไหร่นักหรอกครับ เพราะวันนี้ผมจะมาแนะนำร้านที่ขายเครื่องมือช่างครับ (โฆษณาว่างั้นเถอะ 555)
     สำหรับร้านที่ขายเครื่องมือช่างที่ผมจะแนะนำก็คือ Boomtools Machinery ซึ่งเป็นร้านที่นำเข้า และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และเครื่องมือช่างทุกชนิด ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือช่างจากในประเทศหรือเครื่องมือช่างจากนอกประเทศทางร้านของ Boomtools ก็มีหมด นอกจากนี้ทางร้านเค้ายังยินดีรับให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องมือช่างให้เหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย ใครที่กำลังคิดจะซื้อเครื่องมือช่าง แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อของยี่ห้อไหนหรือรุ่นอะไรดี สามารถโทรสอบถามกับทางร้าน Boomtools ได้เลยครับ หรือจะสอบจากถามทาง Email ก็ยังได้ครับ สำหรับใครที่อยากจะค้นหาหรืออยากจะเห็นรูปร่างหน้าตาของเครื่องมือช่างแต่ละชนิดด้วยตนเอง ก็สามารถเข้าไปชมกันได้ที่ www.boomtools.net ครับ ซึ่งในเว็บไซต์ได้รวบรวมเครื่องมือช่างมากกว่า 3,000 ชนิด และในตอนนี้ก็เกือบจะ 4,000 ชนิดแล้วครับ ซึ่งแน่นอนว่าทางร้าน Boomtools ไม่ได้ขายแค่นี้แน่ เพียงแต่ตอนนี้ทางร้านเค้ากำลังทยอยลงสินค้ากันอยู่ครับ
     สุดท้ายนี้ผมขอฝากร้านขายเครื่องมือช่าง Boomtools Machinery ร้านนี้กันด้วยนะครับ
บูมทูลส์ แมชชีนเนอรี่
419 อ่อนนุช 66 ถ.สุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
Tel : 02-3213501, 027210560
Fax: 02-3218455, 027211316
Mobile : 081-7345965, 086-5225965
Website : www.boomtools.net

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555



ตะไบ (Files) ตอนที่ 1”

     ตะไบเป็นเครื่องมือช่างชนิดหนึ่งที่ทำมาจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ตะไบมักจะใช้สำหรับการขัดแต่งผิว หรือปาดหน้าชิ้นงานที่ต้องการขจัดเนื้อโลหะทิ้งไปไม่มากนัก ดังนั้น การตะไบ ก็คงจะหมายถึง การตัดเฉือนผิววัสดุงานออกในลักษณะการถากหรือขูดเพื่อลดขนาดของชิ้นงานหรือเพื่อปรับแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อยตามความต้องการ

     ตะไบเป็นเครื่องมือช่างขั้นพื้นฐานที่ทำจากเครื่องมือ (Tool Steel) ด้วยการนำไปขึ้นรูปแล้วจึงนำไปชุบแข็ง(Hardening) ที่ผิวหน้าของตะไบจะมีคมตัดที่เรียกว่า "ฟันตะไบ" ซึ่งฟันตะไบเหล่านี้จะเรียงเป็นแถวขนานกันไปตลอดความยาวของก้านตะไบ และแถวของตะไบนี้จะทำมุมเอียงกับขอบตะไบอีกด้วย

ตะไบมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 5 ส่วน ดังนี้

1. หน้าตะไบ (Face)  จะเป็นพื้นผิวที่ถูกเครื่องจักรกลขึ้นรูปให้มีคมตัดของตะไบเรียงตัวเป็นแถวซ้อนกันไปตลอดความยาวของหน้าตะไบ

2. ขอบตะไบ (Edge) เป็นความหนาของตะไบ ที่ขอบของตะไบจะมี 2 ชนิด

     2.1 ขอบข้างเรียบ ใช้สำหรับตะไบงานที่ไม่ต้องการให้บอบข้างของตะไบตัดเฉือนเกินเนื้องานขณะที่กำลังปฏิบัติงานตะไบ

     2.2 ขอบข้างมีคม มีลักษณะเป็นฟันหยาบ ๆ ใช้สำหรับขูดผิวงานเพื่อขูดสนิมหรือสิ่งสกปรกที่ผิวหน้างานก่อนจะเริ่มลงมือปฏิบัติงาน

3. ปลายตะไบ (Tip) เป็นส่วนที่อยู่ปลายสุดของตะไบใช้สำหรับมือข้างที่ไม่ถนัดประคองหรืออกแรงกดเพื่อให้คมตะไบกินเนื้อวัสดุงานมาก-น้อย ได้ตามความต้องการ

4. โคนตะไบ (Heel) เป็นส่วนที่มีการพิมพ์สัญลักษณ์ยี่ห้อของงตะไบและแหล่งที่ผลิตตะไบ อยู่ส่วนปลายด้านล่างของผิวหน้าตะไบติดกับกั่นตะไบ ที่บริเวณโคนตะไบจะไม่มีฟันตะไบอยู่

5. ความยาวตะไบ (Length) ความยาวของตะไบจะวัดจากปลายของตะไบถึงโคนของตะไบที่ผลิตขึ้นมาจะมีขนาดความยาวหลากหลายขนาดให้ได้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของงาน

6. กั่นตะไบ (Tang) มีลักษณะเป็นปลายแหลม กั่นตะไบจะถูกยึดอยู่ภายในด้ามตะไบขนาดใช้งาน

7. ด้ามตะไบ (Handle) อาจเป็นด้ามไม้หรือพลาสติกสวมเข้ากับกั่นตะไบ เพื่อให้มือจับประคอง  ในการปฏิบัติงานด้ามตะไบที่ดีควรมีลักษณะกลมมน ทำให้สามารถปฏิบัติงานได้นานโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บมือ